Monday, February 3, 2014

dictionary ภาษาอังกฤษ ไทย สำหรับ amazon kindle

เรียน เพื่อนๆที่รักทุกท่าน
เนื่องจากช่วง 3 เดือนนี้ ผมติดภาระกิจ(งานประจำ)และไม่สะดวกเข้า Fan Page ในช่วงเวลานี้ครับ
หากท่านใดต้องการใช้งาน Dictionary ตัวเต็ม
ท่านสามารถ Download และติดตั้ง Dictionary ตัวเต็มได้ด้วยตนเองที่

http://www.upload-thai.com/download.php?id=495e68d5d4e2170aa86541c8f412877e

เมื่อผมเสร็จสิ้นภาระกิจแล้ว จะกลับมาใช้เวลากับ Dictionary บน Kindle Touch ให้เสร็จโดยเร็วครับ

ขอบพระคุณอย่างสูง 
chear.chear@gmail.com
=============================
วิธีการติดตั้งใช้งาน English-Thai Intelligent Dictionary for Kindle

ขั้นแรก ให้ Copy ไฟล์ Dictionary ผ่านสาย USB ไว้บนเครื่อง Kindle ของท่าน

1. เชื่อมต่อเครื่อง Kindle เข้ากับเครื่อง Computer ผ่านทางสาย USB

2. Copy ไฟล์ผลิตภัณฑ์ซึ่งแนบมากับเมล์นี้ EngThaiKindleDict(full).mobi
ไว้ในเครื่อง Kindle ในโฟลเดอร์ที่ชื่อ documents



ขั้นต่อมา ตั้งค่าให้ EN-TH Dict ใช้งานเป็น dictionary หลักของเครื่อง

1. เปิดเครื่อง Kindle , ไปที่หน้า Home กดปุ่ม Menu แล้วเลือก Settings

2. กด Menu อีกครั้ง แล้วเลือก Change Primary Dictionary

3. เลือก English-Thai Intelligent Dictionary


วิธีใช้งาน ในระหว่างอ่าน ebook

1. วิธีการใช้งาน ระหว่างที่อ่าน ebook อยู่ ให้กดปุ่มทิศทาง
(ขึ้นลงซ้ายขวา) เพื่อเลื่อน Cursor
ไปด้านหน้าของคำที่ต้องการทราบความหมาย คำแปลจะปรากฏที่ด้านล่าง
(หรือด้านบน) โดยอัตโนมัติ

ขอขอบพระคุณอย่างสูงที่สนับสนุนครับ

จาก: https://www.facebook.com/pages/Kindle-Thai-Dictionary-Project/160529933967744?fref=ts

Monday, December 13, 2010

Kindle 3 Shortcuts รวบรวมคีย์ลัดต่างๆครับ ^_^

Kindle 3 Shortcuts: คีย์ลัดทั่วไป  

  • alt + shift + G = แคปเจอร์หน้าจอ
  • alt + G = refresh หน้าจอใหม่
  • shift + alt + m = เล่นเกม minesweeper (กดจากหน้า homescreen)
  • alt + home = ไปที่ Kindle Store
  • alt + ตัวอักษรแถวบนสุด = numbers 1-9 เช่น alt+q = 1
  • กด menu เพื่อดูเวลาที่แถบด้านบน
  • กด menu ที่หน้า homescreen เพื่อดูหน่วยความจำที่เหลือ
  • ปิดเครื่อง kindle 3 โดยเลื่อนปุ่ม power slide แล้วค้างไว้นาน 7 seconds
  • รีเซตเครื่อง kindle โดยเลื่อนปุ่ม power slide แล้วค้างไว้นาน 15 seconds (หรือเลือกได้จากกดเมนูในหน้า Setting)
  • เปลี่ยน primary dictionary โดยกดเมนูในหน้า Setting
 

Kindle 3 Hot Keys ขณะที่อ่านหนังสืออยู่

  • alt + B = เพิ่มและลบ bookmarks
  • right arrow on nav controller = ข้ามไปที่ chapter ถัดไป
  • left arrow on nav controller = ข้ามไปที่ chapter ก่อนหน้า
  • alt+Enter บนโน้ตหรือ highlight ข้อความเพื่อส่งข้อความผ่าน Facebook หรือTwitter
  • ขณะดูเอกสาร PDF กดปุ่ม Shift กับ 5-way controller เพื่อ pan บริเวณที่อ่านอยู่ทีละนิด
Text-to-Speech
  • shift + Sym = เปิดหรือหยุดระบบ Turn text to speech
  • กดปุ่ม back เพื่อปิด text to speech
  • กดปุ่ม spacebar เพื่อ pauses text to speech
  • เลื่อน cursor ไปที่ตัวหนังสือเพื่อเริ่ม text to speech จากตรงที่เลื่อน cursor ไป
Music Controls
  • alt + space = เล่นหรือหยุดเพลง
  • alt + f = ข้ามไปที่ track ต่อไป
 

Image Viewer Functions

  • กด q = zoom in
  • กด w = zoom out
  • กด e = reset zoom
  • กด c = actual size
  • กด f = full-screen
  • กด r = rotate
  • กด nav controller = pan
  • กดปุ่ม forward และ back = cycle through images

Thursday, October 28, 2010

รีวิว Amazon Kindle


ผมชอบอ่านหนังสือ จำได้ว่าเมื่อตอนวัยรุ่นสมัยเรียนมัธยมผมจะพกหนังสือติดตัวตลอดและอ่านทุกครั้งที่มีเวลาว่าง (ซึ่งมีเหลือเฟือเมื่อเทียบกับตอนนี้) แต่นั่นเป็นความประทับใจในอดีต เพราะปัจจุบันหาเวลาอ่านหนังสือได้ยากเต็มที นอกจากนั้นยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้อ่านหนังสือไม่ได้ เช่น หนังสือที่ชอบอ่านไม่สามารถพกพาไปได้สะดวก อย่างนิยายเล่มล่าสุดของ Stephen King อย่าง Under The Dome ที่หนากว่า 1,000 หน้า ต้องหาเวลานั่งอ่านเป็นเรื่องเป็นราว ทำให้อ่านไม่ถึงไหน
ปัญหาอีกอย่างก็คือหนังสือดีๆ นั้นหายาก ในประเทศไทยเห็นจะมีแต่ Kinokuniya ที่มีหนังสือภาษาอังกฤษให้เลือกแบบไม่จำเป็นต้องเป็นหนังสือ "ขายดี" อย่างที่ร้านหนังสือส่วนมากสั่งมาขาย แต่ครั้งจะไปสยามเพื่อซื้อหนังสือก็ไม่ใช่เรื่องสะดวก เพราะหาโอกาสและเวลาไปยาก
ปัญหาสุดท้ายคือขนาดตัวหนังสือ เมื่ออายุมากขึ้น สายตาย่อมประสิทธิภาพลดถอยลง ยิ่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวัน การใช้สายตาจ้องตัวหนังสือขนาดเล็กในหนังสือปกอ่อนราคาประหยัด หรือตัวพิมพ์ที่ไม่คมชัดในหนังสือต้นทุนผลิตต่ำจำนวนมาก ย่อมไม่เป็นผลดี
ด้วยเหตุทั้งปวงนี้ทำให้ผมตัดสินใจซื้อเครื่องอ่าน e-book จาก Amazon เรียกว่า Kindle (Version 2) มาทดลองใช้ดู
Amazon Kindle
ราคาของ Kindle อยู่ที่ 259 USD แต่พอรวมปกหนัง ค่าส่ง (DHL) และภาษีแล้ว ตกอยู่ที่ 395.12 USD หรือประมาณ 15,000 บาท การสั่งซื้อราบรื่นไม่มีปัญหา DHL มาส่งให้ที่บ้านหลังสั่ง 3 วัน โดยระหว่างรอสามารถดู tracking ว่าของอยู่ที่ไหนแล้ว ผ่านหน้า account ของ Amazon ซึ่งสะดวกและละเอียดดีมาก
จุดเด่นของเครื่องอ่านหนังสือแบบนี้ คือหน้าจอที่เป็น E Ink ซึ่งเหมือนกระดาษจริง ตัวหนังสือคมชัด (จำนวน Pixel ต่อหน่วยมากกว่าจอ LCD ธรรมดา) และประหยัดไฟมาก เพราะไม่มี backlight (หมายถึงต้องใช้แสงจากสภาพแวดล้อมในการอ่าน) และกินไฟต่อเมื่อมีการเปลี่ยนหน้าจอ (พลิกหน้าหนังสือ) เท่านั้น โดยถ้าปิด wireless สามารถอ่านได้มากกว่า 2 อาทิตย์โดยไม่ต้องชาร์จไฟ
Kindle Screen
ตัวหนังสือสามารถเลือกขนาดได้ ทำให้เหมาะกับผู้สูงอายุอย่างมาก (ไปอ่านดูใน discussion ผู้ใช้ พบว่าผู้ใช้จำนวนมากอายุมากกว่า 40-70 หรือมากกว่า) และมี Text-to-Speech ให้อ่านออกเสียงให้ฟัง (เสียบหูฟังหรือฟังผ่านละโพงในตัวได้) นอกจากนั้นยังมีพจนานุกรมขนาด 250,000 คำในตัว ซึ่งมีประโยชน์มากกับการฝึกภาษาอังกฤษเพราะใช้สะวด สามารถชี้ไปที่คำที่ต้องการแล้วคำแปลจะขึ้นมาด้านล่างจอทันที
จุดเด่นที่ Kindle ต่างจากเครื่องอ่าน e-book อื่นๆ ก็คือ Global Wireless นั่นคือผู้ใช้สามารถต่ออินเทอร์เน็ตไปยังร้านหนังสือของ Amazon ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือได้เกือบทุกที่ทั่วโลกโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและไม่มีข้อจำกัดใดๆ ทำให้การซื้อหนังสือง่ายและสะดวกมาก ผมซื้อหนังสือมาแล้ว 3 เล่มด้วยวิธีนี้ การซื้อกดครั้งเดียว ไม่ยุ่งยาก และหนังสือจะถูกดาวน์โหลดภายในไม่กี่นาทีผ่านเครือข่าย EDGE
หนังสือที่ขายมีกว่า 400,000 เรื่อง แต่หลายเรื่องก็ซ้ำกัน ในอนาคตคงมีมากกว่านี้ แต่ปัจจุบันก็มีเรื่องหลักๆ ที่ร้านหนังสือควรจะมีค่อนข้างครบ และราคาถูกกว่าปกแข็งประมาณครึ่งหนึ่ง โดยเฉลี่ยหนังสือออกใหม่ ราคาไม่เกิน 10 USD
ในการใช้งานจริง สิ่งที่สำคัญคือน้ำหนัก รูปร่าง และความสะดวกในการถือและพลิกหน้า ซึ่งสำหรับผมพบว่าไม่มีปัญหา ทุกอย่างลงตัว น้ำหนักกำลังดี จับแล้วมั่นคง ปุ่มไม่เผลอกดได้ง่าย อ่านไปซักพักก็จะลืมว่ากำลังอ่านจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อยู่
Kindle in a hand
การพกพา สมควรอย่างยิ่งที่จะใส่ปกไว้ ช่วยปกป้องหน้าจอ ปุ่ม และการกดทับได้ดีพอสมควร หน้าตาเมื่อใส่ปกแล้วเหมือนสมุดบันทึกทั่วไป ไม่มีใครดูออกว่าเป็น Kindle
Kindle with the cover
หลังใช้งานมาได้สองอาทิตย์ พบว่าความสะดวกในการพกพาเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Kindle มีประโยชน์ เพราะสามารถอ่านได้ทุกที่ ไม่ต้องเลือกว่าจะเอาเล่มไหนไปที่ไหนกับเรา สามารถนอนอ่านบนเตียงได้สบายๆ โดยไม่เมื่อยมือมากนัก และไม่ต้องกังวลกับการชาร์จไฟเพราะกินไฟน้อยมากเมื่อปิด wireless
อีกปัจจัยหนึ่งคือเรื่องทางจิตวิทยา ว่า e-book ทำให้เราอ่านไปได้เรื่อยๆ โดยไม่ต้องกังวลว่ายังเหลือที่ยังไม่ได้อ่านอีกเท่าไหร่ ซึ่งต่างจากหนังสือเล่มที่บางครั้ง ความหนาก็ทำให้เราหมดกำลังใจที่จะอ่าน ซึ่งเรื่องนี้ผมพบว่า Kindle ช่วยให้ผมอ่านแต่ละครั้งได้นานขึ้น มากขึ้น อย่างเห็นได้ชัด
พูดข้อดีมาเยอะ มาถึงข้อเสียซึ่งก็มีบ้าง เช่น หนังสือที่ซื้อมานั้นเป็นฟอร์แมตพิเศษของ Kindle และติด DRM ทำให้เราต้องใช้ Kindle ไปตลอดถ้ายังต้องการอ่านหนังสือที่ซื้อมาทั้งหมด นอกจากนั้น การติด DRM ทำให้เราไม่สามารถให้เพื่อนยืมหนังสือไปอ่านได้ ส่วนเรื่องอ่านๆ ก็อาจจะเป็นความรู้สึกว่าไม่ได้หยิบจับหนังสือเป็นเล่มๆ ไม่ได้กลิ่นของหนังสือ และไม่สามารถนำหนังสือที่ซื้อมาตกแต่งบ้านได้
สุดท้าย คือหนังสือต้องเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น แต่ก็เข้าใจว่าสามารถหาวิธีลงฟอนต์ไทย เพื่อใช้กับ PDF ภาษาไทยได้ ปัญหาคือหนังสือ e-book ภาษาไทยยังไม่ค่อยมี ทำให้เครื่องอ่าน e-book อย่าง Kindle มีประโยชน์กับคนที่อ่านภาษาอังกฤษเท่านั้น